มองอะไร มองให้เห็น
เป็นครูสอน
มองไม้ขอน หรือมองคน มองค้นหา
มองเห็นความ เสมอกัน มีปัญญา
มองเห็นว่า ล้วนมีพิษ: อนิจจัง
มองทุกข์สุข ก็จงจ้อง มองให้ดี
มองว่าเป็น อย่างที่ คนเราหวัง
มองว่าเป็น ตามปัจจัย ให้ระวัง
มองจริงจัง ก็จักเห็น เป็นธรรมดา
มองโดยนัย ที่มันสอน จะถอนโศก
มองเยกโยก มันไม่สอน ร้อนเป็นบ้า
มองไม่เป็น โทษผีสาง นางไม้มา
มองถูกท่า ไม่คว้าทุกข์:
มองถูกจริง!
ร้ายอะไร ไม่ร้ายเท่า
จะเอาดี
เป็นธุลี จับจิต เกิดริษยา
ชิงดีแล้ว อวดเด่น เห็นออกมา
ตัวกูจ้า บ้าคลั่ง สังเวชใจ
สร้างนรก เป็นที่อยู่ เพราะเหตุนี้
“ตัวกูดี, ตัวกูเด่น” เห็นหรือไม่?
กลัวหมดดี จุดจี้ ให้เกิดไฟ
“เผาตัวเอง” ต่อไป เศร้าใจเอย ฯ
(นี่แหล่ะตัวกู ของกู)
เป็นมนุษย์ เป็นได้
เพราะใจสูง
เหมือนหนึ่งยูงมีดีที่แววขน
ถ้าใจต่ำ เป็นได้ แต่เพียงคน
ย่อมเสียที ที่ตน ได้เกิดมา
ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ
ถ้ามีครบ ควรเรียกมนุสสา
เพราะทำถูก พูดถูกทุกเวลา
เปรมปรีดา คืนวันสุขสันต์จริง
ใจสกปรก มืดมัว และร้อนเร่า
ใครมีเข้า ควรเรียกว่าผีสิง
เพราะพูดผิดทำผิด จิตประวิง
แต่ในสิ่งนำตัว กลั้วอบาย
คิดดูเถิดถ้าใคร ไม่อยากตก
จงรีบยก ใจตนรีบขวนขวาย
ให้ใจสูง เสียได้ ก่อนตัวตาย
ก็สมหมาย ที่เกิดมา อย่าเชือนเอยฯ
ตากับตีน อยู่กันมา
แสนผาสุข
จะนั่งลุกยืนเดิน เพลินหนักหนา
มาวันหนึ่ง ตีนทะลึ่ง เอ่ยปรัชญา
ว่าตีนมีคุณแก่ตา เสียจริงๆๆ
ตีนช่วยพา ตาไป ที่ต่างๆๆ
ตาจึงได้ชมนาง และสรรพสิ่ง
เพราะฉะนั้นดวงตา จงประวิง
ว่าตีนนี้เป็นสิ่ง ควรบูชา
ตาได้ฟังตีนคุยโม้ ก็หมั่นไส้
จึงร้องบอกออกกไป ด้วยโทสา
ว่าที่ตีนเดินไปได้ ก็เพราะตา
ดูมรรคา เศษแก้วหนาม ไม่ตำตีน
เพราะฉะนั้น ตาจึงสำคัญกว่า
ตีนไม่ควรจะมาคิดดูหมิ่น
สรุปแล้ว ตามีค่า สูงกว่า ตีน
ทั่วธานินทร์ ตีไปได้ก็เพราะตา
ตีนได้ฟัง ให้คั่งแค้น แสนจะโกรธ
วิ่งกระโดดโลดไปใกล้หน้าผา
เพราะอวดดี คุยเบ่ง เก่งกว่าตา
ดวงชีวา จะดับไป ไม่รู้เลย
ตาเห็นตีน ทำเก่งเร่งกระโดด
ก็พิโรธ แกล้งระงับ หลับตาเฉย
ตีนพาตา ถลาล้ม ทั้งก้มเงย
ตกแล้วเหวย หน้าผา ทั้งตาตีน
พระพุทธะ พระธรรมะ
และพระสงฆ์
ล้วนต่างองค์ เป็นสามพระ หรือไฉน
หรือเป็นองค์ เดียวกัน ที่ชั้นใน
ดูเท่าไร ก็ไม่เห็น เป็นสามองค์
นั่นถูกแล้ว ถ้าดูกัน แต่ชั้นนอก
คือดูออก มีพุทธะ จอมพระสงฆ์
ได้ตรัสรู้ ซึ่งพระธรรม ทรงจำนง
สอนพระสงฆ์ ทั้งหลาย ให้รู้ตาม
แต่เมื่อดู ชั้นใน กลับได้พบ
ว่าธรรมหนึ่ง ซึ่งอยู่ครบ ในพระสาม
ทั้งพุทธ สงฆ์ หรือว่าองค์
พระธรรมงาม
ล้วนมีความ สะอาด สว่าง สงบ
บรรจบกันฯ
งานวันเกิดที่ยิ่งใหญ่ใครคนนั้น
ฉลองกันในกลุ่มผู้ลุ่มหลง
หลงลาภยศ สรรเสริญ เพลินกมล
วันเกิดตนชีพสั้นเร่งวันตาย
ณ มุมหนี่งซึ่งเหงาน่าเศร้าแท้
หญิงแก่แก่ซึ่งหงอยและคอยหาย
โอ้วันนี้ในวันนั้นอันตราย
แม่คลอดสายโลหิตแทบปลิดชนม์
วันเกิดลูกนั้นคล้ายวันตายแม่
เจ็บท้องแท้สักเท่าไรก็ไม่บ่น
กว่าอุ้มครรภ์จะคลอดรอดเป็นคน
เติบโตจนมาบัดนี้นี่เพราะใคร
แม่เจ็บเจียรขาดใจในวันนั้น
กลับเป็นวันลูกฉลองกันผ่องใส
ได้ชีพแล้วก็หลงระเริงใจ
ลืมผู้ให้ชีวิตอนิจจา
ไฉนหนอเขาเรียกกันว่าวันเกิด
วันผู้ให้กำเนิดจะถูกกว่า
คำอวยพรที่เขียนควรเปลี่ยนมา
ให้มารดาเป็นสุขจึงถูกแท้
เลิกจัดงานวันเกิดกันเถิดหนา
แล้วหันมาคุกเข่ากราบเท้าแม่
ควรคิดถึงพระคุณอบอุ่นแท้
อย่ามัวแต่จัดงานประจานตัว
ผิดแล้วรู้จักแก้ =
ที่แท้คือบัณฑิต
ผิดหนึ่งพึงจดไว้ ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า หกซ้ำ อภัยไฉน ฯ
ขอพวกเราทั้งหลายจำไว้เถิด
ว่าการเกิดนี้ลำบากยากนักหนา
ครั้นคนเราได้กำเนิดเกิดขึ้นมา
ก็กลับพากันถึงซึ่งความตาย
(หลวงวิจิตรวาทการ)
ต้องเวียนเกิดเวียนตายตามบุญบาป
เมื่อไรทราบธรรมแท้ไม่แปรผัน
ไม่ต้องเกิดไม่ต้องตายสบายครัน
มีเท่านั้นใครหาพบจบกันเอย
(ท่านพุทธทาสภิกขุ)
·
ความรักเหมือนโรคา บันดาลตาให้มืดมน
ไม่ยินและไม่ยล อุปสัคคะใด ๆ
ความรักเหมือนโคถึก กำลังคึกผิขังไว้
ก็โลดออกจากคอกไป บ่ยอมอยู่ ณ ที่ขัง
ถึงหากจะผูกไว้ ก็ดึงไปด้วยกำลัง
ยิ่งห้ามก็ยิ่งคลั่ง บ่หวลคิดถึงเจ็บกาย
(มัทนะพาธา)
…ท่านว่า หญิงชายใด ตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก
จิตใจก็ย่อมฟุ้งซ่าน
ถ้าปล่อยให้โรครัก คุกคามหนัก ก็ถึงหน้ามืดตามัว และสามารถ
ฟันฝ่าอุปสรรคใด ๆ ได้อย่างไม่เกรงกลัวอันตราย…
ฝูงชนกำเนิดคล้าย คลึงกัน
ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ แผกบ้าง
ความรู้อาจเรียนทัน กันหมด
ยกแต่ชั่วดีกระด้าง อ่อนแก้ฤาไหว
ล้นเกล้า ร.6 ท่านว่า
มนุษย์เราเกิดมามีส่วนคล้ายคลึงกัน จะผิดแผกแตกต่างกันบ้าง
ก็ตรงที่ ขนาดรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ เท่านั้น
ส่วนความรู้นั้นย่อมเรียนทันกันหมด อยู่ที่
จะช้าหรือเร็วเท่านั้น เว้นเสียแต่จะเอาดี หรือไม่เอาถ่านเท่านั้น
(จากพระเกียรติรถ ร.6)
บำรุงรักษาใจ
การบำรุงรักษาสิ่งใด ๆ ในโลก
การบำรุงรักษาตนคือใจเป็นเยี่ยม
จุดที่เยี่ยมยอดของโลกคือใจ ควรบำรุงรักษาด้วยดี
ได้ใจแล้วคือได้ธรรม เห็นใจตนแล้วคือเห็นธรรม
รู้ใจแล้วคือรู้ธรรมทั้งมวล ถึงใจตนแล้วคือถึงพระนิพพาน
ใจนี้คือสมบัติอันล้ำค่า จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมองข้ามไป
คนพลาดใจคือไม่สนใจปฏิบัติต่อใจดวงวิเศษในร่างนี้
แม้จะเกิดสักร้อยชาติพันชาติก็คือผู้เกิดผิดพลาดอยู่นั่นเอง
หลวงปู่มั่น ภูริทตโต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น