นิกายหรือลัทธิใหม่ที่เกิดมีขึ้นในประเทศไทย
2.กลุ่มอโศก กลุ่มอโศก ถึงปี พ.ศ. 2525 มีปรากฏอยู่ 4 แห่ง คือ
- ปฐมอโศก ตั้งอยู่ที่ซอยพระนาง 2 ตำบลพญาพาน อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
- ศีรษะอโศก ตั้งอยู่ที่ตำบลกระแซงใหญ่ อำเภอกันทราลักษณ์ จังหวัดศรีษะเกษ เมื่อ พ.ศ. 2519
- สาลีอโศก ตั้งอยู่ที่ตำบลโคกเดื่อ อำเภอไพสาลี จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อ พ.ศ. 2519
- สันติอโศก ตั้งอยู่ที่ซอยเทียมพร ถนนสุขาภิบาล 1 แขวงคลองกุ่ม เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ตั้งเมื่อ พ.ศ. 2519
กลุ่มอโศก มีทั้งเพศชายและเพศหญิงที่ปฏิบัติ ส่วนระเบียบการเข้าสู่ “อโศก” ดูเป็นขั้นตอนที่แปลกและเคร่งครัด เช่น เพศชาย ผู้เริ่มปฏิบัติใหม่จะเรียกว่า “ปะชาย” (คือผู้ปฏิบัติชาย) ต้องถือศีล 5 ให้บริสุทธิ์อย่างน้อย 3 เดือน โดยต้องนุ่งกางเกงสีกากี สวมเสื้อขาว แล้วจึงเลื่อนขึ้นเป็น “นาค” ถือศีล 8 ให้บริสุทธิ์อีกอย่างน้อย 4 เดือน นุ่งขาวห่มขาว โกนศีรษะ สวมเสื้อแขนสั้นสีน้ำตาลแทนสีขาว แล้วจึงเลื่อนเป็นสามเณร ถือศีล 10 ให้บริสุทธิ์อีกอย่างน้อย 3 เดือน นุ่งห่มสีน้ำฝาด การเลื่อนฐานะแต่ละขั้นต้องผ่านมติเอกฉันท์ของหมู่สงฆ์ ส่วนเพศหญิงเข้าเป็นผู้ปฏิบัติใหม่เรียกว่า “ปะหญิง” ต้องถือศีล 5 ให้บริสุทธิ์อย่างน้อย 6 เดือน แล้วเลื่อนฐานะขึ้นเป็น “กรัก” ถือศีล 8 อย่างน้อย 1 ปี 6 เดือน จากนั้นจึงเลื่อนเป็น “สิกขมาต” ถือศีล 10 และกฎระเบียบอื่นๆอีก การเลื่อนฐานะแต่ละขั้น ต้องผ่านมติเอกฉันท์จากคณะสงฆ์และคณะสิกขมาตทั้งสองฝ่าย นอกจากนั้น ชาวอโศกทุกสถานที่ จะต้องละเว้นหรือเลิกสิ่งอันควรละต่างๆ เหล่านี้ก่อน เช่น การบริโภคเนื้อสัตว์ เป็นต้น ส่วนการปฏิบัติก็กล่าวว่ามุ่งปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา ถือธุดงค์วัตร มีสติกำกับทุกอิริยาบท เพื่อให้เกิดการรู้แจ้งแทงตลอด
สันติอโศก เป็นสำนักบำเพ็ญพรตของนักบวชอีกรูปแบบหนึ่ง ที่เกิดขึ้นจากการตีควารมหมายและความเข้าใจในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีแตกต่างกันออกไปตามความคิดเห็นของผู้ศึกษาค้นคว้าแต่ละบุคคล แล้วนำออกเผยแผ่ตามความสามารถ เมื่อมีผู้นับถือมากเข้า ผู้ประกาศศาสนาก็กลายเป็นคณาจารย์เจ้าลัทธิไป จากหลักอันนี้เองที่ทำให้เกิดลัทธินิกายต่างๆมากขึ้น จนเป็นปัญหาทางศาสนา และเป็นที่ฉงนสนเท่ห์ของผู้คน
ในประเทศไทยที่ว่ามีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ แต่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาในประเทศไทยก็ใช่จะเป็นเอกภาพ ยังแยกเป็นนิกายนั้นนิกายนี้ และในแต่ละนิกายก็ยังมีคณาจารย์ต่างๆอีก จนบางท่านกลายเป็นคณาจารย์เจ้าลัทธินิกายไปโดยปริยาย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นฝ่ายคันถธุระหรือวิปัสสนาธุระ ดูมักจะสำคัญตนผิดแล้วเหลิงไป จนกลายเป็นปัญหาแตกแยกเสียเอกภาพความมั่นคงแก่พระศาสนาเพิ่มขึ้นอีก ตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นภาพพจน์น่าสลดใจทำนองนี้มีอยู่เป็นภัยภายในแก่พระพุทธศาสนาอีกแบบหนึ่ง ที่กล่าวมา เพราะเป็นปัญหาเกิดขึ้นในยุคนี้สมัยนี้ด้วย
สันติอโศก เป็นสำนักบำเพ็ญพรตของนักบวชอีกรูปแบบหนึ่ง ที่เกิดขึ้นจากการตีควารมหมายและความเข้าใจในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีแตกต่างกันออกไปตามความคิดเห็นของผู้ศึกษาค้นคว้าแต่ละบุคคล แล้วนำออกเผยแผ่ตามความสามารถ เมื่อมีผู้นับถือมากเข้า ผู้ประกาศศาสนาก็กลายเป็นคณาจารย์เจ้าลัทธิไป จากหลักอันนี้เองที่ทำให้เกิดลัทธินิกายต่างๆมากขึ้น จนเป็นปัญหาทางศาสนา และเป็นที่ฉงนสนเท่ห์ของผู้คน
ในประเทศไทยที่ว่ามีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ แต่พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาในประเทศไทยก็ใช่จะเป็นเอกภาพ ยังแยกเป็นนิกายนั้นนิกายนี้ และในแต่ละนิกายก็ยังมีคณาจารย์ต่างๆอีก จนบางท่านกลายเป็นคณาจารย์เจ้าลัทธินิกายไปโดยปริยาย ซึ่งไม่ว่าจะเป็นฝ่ายคันถธุระหรือวิปัสสนาธุระ ดูมักจะสำคัญตนผิดแล้วเหลิงไป จนกลายเป็นปัญหาแตกแยกเสียเอกภาพความมั่นคงแก่พระศาสนาเพิ่มขึ้นอีก ตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นภาพพจน์น่าสลดใจทำนองนี้มีอยู่เป็นภัยภายในแก่พระพุทธศาสนาอีกแบบหนึ่ง ที่กล่าวมา เพราะเป็นปัญหาเกิดขึ้นในยุคนี้สมัยนี้ด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น